“นายกฯ ออสเตรเลีย” เล็งเปิดประเทศเร็วขึ้น หลังรับวัคซีนไฟเซอร์จากอังกฤษ 4 ล้านโดส

3 ก.ย. 2564 • 13:54 การเงินธนาคาร

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ว่า สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าออสเตรเลียได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 4 ล้านโดส ในข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับอังกฤษ และขณะนี้พยายามพูดคุยให้รัฐและดินแดนต่างๆ เตรียมแผนการเปิดประเทศอีกครั้ง ออกจากมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งวัคซีนที่ได้รับนี้จะนำโอกาสสำคัญในการเปิดประเทศมาสู่ออสเตรเลียอีกครั้ง ซึ่งมอร์ริสัน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนที่เพียงพอ ทำให้เป้าหมายการฉีดวัคซีนต้องล่าช้าออกไป 

ทั้งนี้ข้อตกลงวัคซีนดังกล่าวมีขึ้นก่อนการประชุมรัฐบาลกลางและผู้นำของรัฐ โดยรัฐควีนส์แลนด์และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียที่ปลอดโควิด-19 ระบุว่าอาจชะลอแผนการเปิดอีกครั้ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นในซิดนีย์และเมลเบอร์น

โดยมากกว่าครึ่งของประชากร 25 ล้านคนในประเทศ ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งให้อยู่บ้าน โดยที่ซิดนีย์ เมลเบิร์น และเมืองหลวงแคนเบอร์ราถูกประกาศมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลานาน ส่วนที่เหลือของประเทศแม้จะปลอดจากโควิด แต่รัฐต่างๆ ยังคงปิดพรมแดนเพื่อหยุดการแพร่ระบาด

ไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังบอกกับ Nine News ว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมออสเตรเลียได้เปิดเผยแผนงานสี่ขั้นตอนเพื่อคลายความกังวลมากขึ้น เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนสูงถึง 70-80% แต่ปัจจุบันมีเพียง 36% ของชาวออสเตรเลียที่อายุมากกว่า 16 ปีได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

ด้านควีนส์แลนด์และเวสเทิร์นออสเตรเลียได้กล่าวว่า พวกเขาได้ตกลงกับเป้าหมายการเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อรัฐนิวเซาท์เวลส์มีการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับต่ำ โดยรายงานดังกล่าวเป็นวันที่แย่ที่สุดของการระบาดใหญ่ เนื่องจากพบผู้ป่วยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1,431 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย

ขณะที่ กลาดิส เบเรจิคเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ เตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมสำหรับยอดการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า มีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ป่วยจะเป็นจำนวนที่แย่ที่สุด

ส่วนสมาคมการแพทย์แห่งออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตัวแทนของแพทย์ของประเทศเตือนว่า โรงพยาบาลต่างๆ ยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับการเปิดประเทศใหม่อย่างรวดเร็ว และเรียกร้องให้อัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้นก่อนที่จะคลายล็อคดาวน์

Cr. การเงินธนาคาร